ถ้ำกระแชง

คำอธิบาย


ถ้ำกระแชงอยู่บริเวณหมู่บ้านกาโสด ทางเข้าเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่ มีทางเดินพื้นปูนและรถสามารถสัญจรเข้าสู่ภายในได้ ระหว่างทางเดินในถ้ำกระแชง เราจะเห็นหินย้อยสวยงามตลอดทางและด้านข้างทางเดินยังมีลำธารไหลอยู่ตลอดปี เมื่อเราเดินมาถึงกลางถ้ำ แล้วมองไปบนเพดาน ก็จะพบปล่องถ้ำอยู่สองช่องด้วยกัน และเมื่อเดินพ้นถ้ำเข้าไปแล้ว ด้านในเป็นป่าอุดมสมบูรณ์และมีภูเขารายล้อมคล้ายกับหุบเขา หลังจากนี้จะเป็นทางเดินดินเข้าไป การเที่ยวชมถ้ำต่างๆต้องเดินบนทางดินธรรมชาติตามความลาดชัดของแนวเขาและต้องปีนป่ายขึ้นเขาในบางจุดด้วย บริเวณหุบเขาที่รายล้อมอยู่มีจำนวนถ้ำราว 16 ถ้ำ แต่ถ้ำที่มีชื่อเสียงได้แก่

1. ถ้ำมรกต(หรือถ้ำพระ) ถ้ำนี้มีบันไดปูนเดินขึ้นไป โพรงถ้ำตื้น ไม่ใช่ถ้ำลึก และมีพื้นปูนยกระดับซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป แต่ปัจจุบันได้นำองค์พระประธานออกไปแล้ว

2. ถ้ำนางแก้ว ปากทางถ้ำนี้ใหญ่และลึก แต่แสงส่องเข้ามาถึง เส้นทางเข้าเป็นทางลาดลง โดยมีรากไม้ทิ้งตัวไปตามแนวดินมากมาย เมื่อเดินมาถึงโพรงถ้ำด้านใน จะมีช่องเล็กๆให้ลอดเข้าไปต่อ ภายในช่องนี้มืดสนิท แต่ข้างในช่องก็คือถ้ำซึ่งมีทางเดินที่ลึกและยาวต่ออีก

3. ถ้ำนางฟ้า ทางเข้าถ้ำต้องปีนบันไดขึ้นไปเนื่องจากปากทางเข้าอยู่บริเวณผนังหินปูนด้านบน ปากถ้ำมีขนาดพอดีตัว เราจึงต้องมุดเข้าไป ภายในถ้ำมืดสนิท

4. ถ้ำมืด(หรือถ้ำน้ำลอด) ถ้ำนี้อยู่พื้นด้านล่างตามทางเดินดินจากถ้ำกระแชงเข้ามา ไม่ต้องเดินขึ้นภูเขาเหมือนสามถ้ำก่อนหน้านี้ บริเวณปากถ้ำมีหินย้อยสวยงาม เราจะเห็นเด็กมาเล่นน้ำและกระโดดน้ำบริเวณปากถ้ำด้วย ส่วนลำธารที่เห็นตั้งแต่ตอนเข้าถ้ำกระแชงครั้งแรกก็ไหลออกมาจากถ้ำมืดแห่งนี้นั่นเอง

ทั้งนี้บริเวณเส้นทางก่อนไปถึงถ้ำนางฟ้า ยังมีทางสมบุกสมบันให้เราปีนเขาหินปูนขึ้นไปจุดชมวิวบนยอดเขาอีก ซึ่งมีความชันประมาณ 60-70 องศา แต่บางจุดก็มี 80-85 องศาด้วย การปีนหน้าผาต้องใช้ความระมัดระวังเพราะไม่มีอุปกรณ์ช่วย นอกจากแง่งหินและต้นไม้ตามหน้าผาบางช่วงเท่านั้น



ถ้ามาถึงอำเภอบันนังสตา แล้วตกสำรวจถ้ำกระแชงไปเมื่อใด แสดงว่าคนๆนั้นทำการบ้านมาไม่ดีพอแน่ แต่ก็ต้องยอมรับอีกว่า ในหน้าสมุดการบ้านนั้น ทีมงานมีแต่หน้าเปล่า เพราะข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำนี้มีน้อยมาก เมื่อมาถึงแล้ว ก็ยังเงอะๆงะๆกับข้อมูลอยู่เลยเนื่องจากไม่รู้ว่า เข้าไปด้านในจะเจอกับอะไรบ้าง
- อำเภอบันนังสตามีธรรมชาติให้เราค้นหาไม่มีว่างเว้นจริงๆ
และถึงแม้เราไม่เห็นป้ายบอกทางเข้าถ้ำจากถนนใหญ่สาย 410 แต่การสืบเสาะก็ทำให้ทีมงานมาพบความสวยงามได้ในที่สุด ไปเข้าถ้ำกันเลย
ซ้ายบน – แค่ภูเขากับโพรงถ้ำเบื้องหน้า ความสงสัยใคร่รู้ก็เกิดขึ้นแล้วว่า ภายในจะเป็นเช่นไร การเข้าไปดูให้รู้คือหนทางแห่งคำตอบ
ขวาบน -
บรรยากาศทางเข้าถ้ำทำให้เราเห็นหินย้อยแปลกตาขนาดใหญ่บนเพดานมากมาย ส่วนเบื้องล่างมีลำธารอยู่ทางซ้าย ขณะที่ทางขวาเป็นทางเดินเข้าถ้ำต่อไป (จากภาพ น้ำจะไหลจากถ้ำตลอดปี แต่ถ้าเป็นช่วงแล้ง น้ำจะน้อยอย่างที่เห็น ถ้าเป็นฤดูฝน สายน้ำจะหลากกว่านี้)
ขวากลาง – ผนังถ้ำทั้งแผงมีหินย้อยที่ดูสวยงาม
ซ้ายล่าง –
ก้าวเท้าต่อมาไม่นาน ทีมงานก็พบเพดานถ้ำที่มีแสงลอดลงมาและมีต้นไม้ขึ้นอยู่ด้านบน มุมนี้ทำให้ถ้ำกระแชงมีเสน่ห์เหลือหลาย ส่วนปากถ้ำอีกด้าน(ที่เห็นตอนนี้)จะใหญ่กว่าปากถ้ำทางเข้า
ขวาล่าง - เงยหน้าขึ้นไปดูแสงดังกล่าว ก็พบปล่องถ้ำสองปล่องที่มีหินคั่นกลางเป็นสะพานโค้ง ปล่องนี้กลายเป็นเอกลักษณ์ของถ้ำกระแชงไปแล้ว




เจียดเวลาในถ้ำกระแชงอีกสักเล็กน้อย
ซ้ายบน –
เมื่อเดินออกจากถ้ำกระแชง แล้วหันหลังไปมองถ้ำจากด้านในอีกครั้ง เราจะเห็นทั้งปากทางเข้าถ้ำด้านนอก โพรงบนเพดานถ้ำทั้งสอง และปากถ้ำด้านในครบหมด
- คราวนี้เดินไปดูถ้ำต่างๆบนเขาโซนในบ้าง นักท่องเที่ยวจะเดินมาเจอบันไดปูน(ที่มีพระพุทธรูปองค์เล็กสีขาวอยู่ด้านซ้าย) ส่วนขั้นบันไดเต็มไปด้วยใบไม้รกๆอยู่ทางขวา เป้าหมายแรกที่เราจะขึ้นไปคือถ้ำมรกต
ขวาบน -
บริเวณปากถ้ำมรกตำมีหินงอกจากพื้นเป็นรูปทรงแปลกตา
ขวากลาง - ถ้ำมรกตเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป แต่ปัจจุบันได้ย้ายออกไป เหลือเพียงร่องรอยฐานทิ้งไว้ สำหรับโพรงถ้ำนี้ไม่ลึกและตัน
-
จากนั้นออกจากถ้ำมรกต แล้วไปถ้ำนางแก้วต่อ
ซ้ายกลาง - ทีมงานเลือกเดินเส้นทางธรรมชาติตามแนวไหล่เขา ซึ่งทำเส้นทางไว้ให้เดินเช่นกัน (แทนการลงบันไดเมื่อสักครู่เพื่อเดินอ้อมทางด้านล่าง แล้วขึ้นเขาอีกด้านหนึ่ง) แต่เส้นทางนี้ค่อนข้างรกในหลายช่วงและมีอุปสรรคบางช่วงคือ มีต้นไม้ใหญ่ล้มขวาง พุ่มไม้ขนาดใหญ่ทับปกคลุมจนมองไม่เห็นทาง เราต้องปีนป่ายและเกาะกองไม้เหล่านี้เพื่อคลำหาเส้นทางเอาเอง
ขวาล่าง – สำหรับถ้ำนางแก้วมีปากถ้ำขนาดใหญ่และลึกกว่าทุกถ้ำ (จากภาพ ปากถ้ำไปถึงพื้นถ้ำด้านล่างเป็นทางหินขรุขระลาดลงไป)
ซ้ายล่าง – ตอนนี้ทีมงานเข้ามาถึงพื้นล่างของปากถ้ำแล้ว จากนั้นลองหันกลับไปมองปากถ้ำด้านบนอีกครั้ง



ขออยู่ในถ้ำนางแก้วอีกสักหนึ่งภาพ
ซ้ายบน – จากปากถ้ำเข้ามา บรรยากาศด้านล่างเริ่มสลัวเนื่องจากแสงเข้ามาน้อย บริเวณปลายโพรงถ้ำด้านล่างมีรูถ้ำมืดสนิทเล็กๆอยู่หนึ่งรู
เมื่อมุดเข้าไปดูคร่าวๆ ภายในมืดสนิทและมีเส้นทางให้เดินต่อสำหรับใครที่อยากผจญภัย (จากภาพ จริงๆแล้วที่เราเดินเข้ามาเป็นแค่ปากถ้ำ เพียงแต่มีความลึกเท่านั้น ถ้ำด้านในจริงๆต้องมุดรูนี้เข้าไป)
- มุ่งหน้าสู่ถ้ำต่อไป
ซ้ายกลาง – ถ้ำนี้คือถ้ำนางฟ้า การจะเข้าถ้ำต้องปีนบันไดขึ้นไปเพราะถ้ำอยู่ในซอกผนังภูเขาด้านบน แล้วมุดเข้าซอกมืดอย่างที่เห็นในภาพ
- เหลืออีกหนึ่งภารกิจบนเขาที่ต้องทำ

ขวาบน - ก่อนลงจากภูเขา ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ไม่ใช่ถ้ำ แต่เป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวต้องปีนผาหินปูนขึ้นไป ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังมากเนื่องจากไม่มีตัวช่วยใดๆทั้งสิ้น เราต้องหาตำแหน่งปีนและใช้แรงแขนดึงกับแรงขาดันตัวขึ้นไปเอง แถมเส้นทางบางช่วงก็เกือบตั้งฉาก(ท่ามกลางความแหลมคมของหินปูน)อย่างที่เห็น
กลาง – เมื่อถึงจุดชมวิวแล้ว ภาพพาโรนามานี้ก็คือภูเขาน้อยใหญ่ที่ลากยาวเป็นผืนป่าเขียวขจีจนสุดขอบฟ้า
- จากนั้นเราไต่ผาหินปูนลงมาจุดเดิม แล้วเดินลงเขาไปถ้ำมืดที่พื้นด้านล่างต่อ สำหรับถ้ำมืดนี้สามารถเดินตรงจากพื้นด้านล่างของถ้ำกระแชงเข้ามาจนสุดทางได้อีกทาง
ซ้ายล่าง -
จุดนี้เป็นปากถ้ำมืดที่น้ำไหลออกมา ซึ่งเป็นต้นทางของลำธารที่ไหลไปปากถ้ำกระแชงด้านนอกที่เราเห็นตั้งแต่ตอนต้น (จากภาพ บริเวณนี้มักมีเด็กเล็กและเด็กโต รวมทั้งวัยรุ่นมากระโดดน้ำเล่นบริเวณปากถ้ำมืด)
- ก่อนถึงปากถ้ำกระแชงจะมีซุ้มจำหน่ายสินค้าอยู่สองเจ้า
ขวาล่าง - ในวันหยุดจะมีชาวยะลาในละแวกพาครอบครัวมาพักผ่อนหย่อนใจและเล่นน้ำที่ถ้ำกระแชง ร้านค้าที่เป็นซุ้มไม้ไผ่จึงเปิดรอรับนักท่องเที่ยว
รายการสินค้า - อาหารและเครื่องดื่มมีก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นทอด ไส้กรอกทอด ชาเย็น กาแฟเย็น โค้ก แฟนต้า(น้ำแดง น้ำส้ม) และสไปรท์


TODAY THIS MONTH TOTAL
64 2909 252127
Copyright : 2018 KarnDernTang.com ขอสงวนลิขสิทธิ์เนื้อหาในเว็บไซต์ตามกฎหมาย ห้ามทำซ้ำหรือคัดลอกโดยไม่ได้รับอนุญาต

บริษัทรับทำเว็บไซต์ Design By cw.in.th

Scroll To Top