เขาหน่อเป็นภูเขาสูงประมาณ 282 เมตร มีลักษณะเป็นแท่งเป็นหน่อคล้ายกับจอมปลวกหลายๆจอมปลวกติดต่อกัน ชาวบ้านจึงเรียกเขาลูกนี้ว่า“เขาหน่อ” นอกจากนี้เขาหน่อยังมีถ้ำและฝูงลิงอาศัยอยู่นับพันตัวด้วย ในอดีตราวปี พ.ศ.2449 สมเด็จสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จพระราชดำเนินมายังเขาหน่อแห่งนี้

ส่วนเขาแก้ว พระครูนิวาตธรรมโกศล เจ้าอาวาสวัดเขาหน่อเล่าว่า ในอดีตเคยมีดวงแก้วคล้ายดวงดาวเกิดขึ้นที่ยอดเขาและมีแสงสว่างโดยรอบ เมื่อดวงแก้วลอยสูงจากยอดเขาประมาณ 1 วา จะเกิดเป็นแสงนวลเจิดจ้า จากนั้นจึงลดระดับและแสงก็หรี่ลง เมื่อดวงแก้วลอยมาถึงยอดเขา ก็จะลอยสูงขึ้นไปอีกเหมือนครั้งแรก เป็นอยู่อย่างนั้น 3 ครั้งจึงหายไป ปรากฏการณ์แบบนี้นานปีจะเกิดขึ้นสักครั้ง ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า“เขาแก้ว”

แต่ไหนแต่ไรมา เวลานั่งรถทัวร์ขึ้นภาคเหนือ ก่อนถึงจังหวัดกำแพงเพชร ขวามือของเราจะเห็นเขาหินปูนตั้งโดดเด่นอยู่ทุกครั้งไป เขาทางขวามีชื่อว่า“เขาหน่อ” ส่วนทางซ้ายมีชื่อว่า“เขาแก้ว” สองเขานี้เปรียบเสมือนเขาพี่เขาน้องที่อยู่เคียงข้างกัน ทีมงานได้แต่มองอยู่ฝ่ายเดียวมานานแล้ว คราวนี้ขอเข้าไปทำความรู้จักมักจี่สักหน่อย
- เขาหน่อเป็นเขาที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปถึงยอดเขาได้ ขณะที่เขาแก้วซึ่งอยู่ข้างๆไม่สามารถปีนขึ้นได้ สิ่งเดียวที่ทุกคนต้องเตรียมพร้อมคือ ความฟิตของร่างกาย นอกจากนี้ยังต้องไม่กลัวความสูงด้วย
บน – จากตีนเขาด้านล่าง เมื่อมองไปด้านบน เราจะเห็นเขาหน่อเป็นเทือกเขาแนวยาว ส่วนยอดเขาหน่อซึ่งเป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวต้องขึ้นไป ก็อยู่เหนืออักษร ww สองตัวหลัง
- สำหรับเส้นทางเดินขึ้นเขาหน่อแบ่งเป็นสองช่วงคือ บันไดปูน 680 ขั้นและบันไดลิง
ซ้ายบน – เริ่มต้นที่บันไดปูน 680 ขั้นก่อน แค่ช่วงแรกก็เรียกเหงื่อไหลไคลย้อยและเสียงหอบทันที หลายคนเหนื่อยจนต้องพักหายใจเป็นช่วงๆระหว่างทาง โดยมีที่นั่งเป็นระยะๆตามบันไดทั้งหมด 5 จุด
- หลังจากเรียกความฟิตแล้ว ต่อไปเป็นการวัดใจ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต้องไต่บันไดลิงที่พาดยึดตามแนวภูเขาขึ้นไป โดยบางช่วงของบันไดมีความชันค่อนข้างมาก เราไปชมตัวอย่างกัน
ขวาบน – ทีมงานเดินขึ้นบันไดลิงมาแล้ว จากนั้นหันกลับไปมองบันไดที่เกาะขึ้นมา ส่วนความชันของบันไดเป็นอย่างไร ให้ทุกคนวิเคราะห์ภาพเอาเอง
ซ้ายล่าง – บันไดลิงบางช่วง นอกจากชันแล้ว ยังมีการตีโค้งระหว่างทางด้วย
ขวาล่าง – จุดนี้เป็นความชันช่วงท้ายก่อนถึงจุดชมวิว ซึ่งเรียกความหวิวและขาสั่นได้ เพราะเราต้องเกาะบันไดขึ้นยอดเขาท่ามกลางความโล่งโปร่งจากด้านหลังและด้านข้าง ใครที่กลัวความสูงก็อย่าหันไปมองเด็ดขาด ส่วนด้านข้างขวามือของภาพ(ที่หลุดเฟรมไป)จะเป็นสันเขาหินปูนที่ลาดชันลงไปเป็นทุ่งนาด้านล่างเลย (จากภาพ ภูเขาด้านหลังมุมไกลสุดคือ เขาแก้ว ส่วนเขาหินปูนมุมใกล้คือ กลุ่มเขาบนยอดเขาหน่อ)



ใครใช้เวลาขึ้นเขาเท่าไหร่บ้าง มาแชร์กันหน่อย ส่วนทีมงานไปแบบเรื่อยๆ 42 นาที
บน – ภาพดวงอาทิตย์ขึ้นมาทักทายเขาแก้วที่อยู่ทางขวาท่ามกลางท้องนาและต้นลั่นทมไร้ใบบนเขาหน่อคือ สิ่งที่ทีมงานตั้งปณิธานไว้ ซี่งทุกอย่างไม่ผิดไปจากที่หวังจริงๆ ที่สำคัญ อากาศบนยอดเขาตอนเช้าเย็นดี แถมลมแรงอีกต่างหาก
ซ้ายบน – เขาแก้วดูสวยสง่ามาก (จากภาพ ตอนเย็นๆ เราสามารถชมฝูงค้างคาวมากมายบินออกจากถ้ำเขาแก้วไปหากินข้างนอกได้ด้วย)
- บนยอดเขาหน่อมีอะไรบ้าง
ขวาบน – สถูปยอดแหลมนี้เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ส่วนพระพุทธรูปจะประดิษฐานอยู่เหนือซุ้มจุดธูปเทียนให้กราบไหว้
ขวากลาง – ระฆังมากมายแขวนเป็นแนวกำแพงอยู่ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งถ้าใครขึ้นมายามเช้า เราจะได้ยินเสียงระฆังดัง”ต๊องแต๊ง”อยู่ตลอดราวกับมีคนไปตีเนื่องจากลมตอนเช้ากระโชกแรงจนระฆังน้ำหนักมากยังกระแทกกันเอง ทีมงานเลยนั่งฟังเพลินเลย นอกจากนี้ยังมีเสียงผืนผ้าธงชาติบนยอดเสาที่สะบัด”พรึ่บพรี่บ”อย่างแรงอยู่เหนือหัวอีก (จากภาพ บริเวณระฆังตรงอักษร www ไปทางด้านหลัง จะมีทางเดินไปกลุ่มยอดเขาเล็กๆอีกจุดซึ่งมีนักท่องเที่ยวที่ไม่กลัวความสูงบางคนขึ้นไปยืนชมวิว แต่พื้นที่ตรงนั้นไม่กว้างและเป็นแง่งหินขรุขระ แถมไม่มีสิ่งใดล้อมรอบ นอกจากเหวอย่างเดียว)
- ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเสริม
ซ้ายล่าง – ลิงบริเวณทางขึ้นตีนเขาหน่อมีนับไม่ถ้วน
- ทีมงานขอไปให้อาหารลิงสักหน่อย
ขวาล่าง – บริเวณตีนเขาหน่อมีร้านเป็นซุ้มเล็กๆเรียงห่างกันเป็นระยะอยู่หลายเจ้า สินค้าที่จำหน่ายจะเหมือนกันหมดคือ อาหารลิง ส่วนสินค้าให้นักท่องเที่ยวก็มีเช่นกัน (นอกจากนี้ยังมีน้าผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นไกด์พานักท่องเที่ยวขึ้นยอดเขาหน่อสำหรับใครที่ต้องการตัวช่วย ส่วนค่าบริการ แล้วแต่จะให้)
รายการสินค้า - อาหารลิงมีกล้วยน้ำว้า ถั่วลิสงแกะเปลือก ถั่วลิสงไม่แกะเปลือก และขนมลิง สำหรับนักท่องเที่ยวมีแฟนต้า(น้ำแดง น้ำเขียว น้ำส้ม) สไปรท์ เอส และน้ำดื่ม