วัดโพธิ์ชัยเสมาราม(หรือวัดบ้านก้อม)สร้างในปี พ.ศ.2330 เป็นวัดสำคัญในเมืองฟ้าแดดสงยาง ปัจจุบันเป็นสถานที่เก็บรักษาโบราณวัตถุที่พบในเมืองฟ้าแดดสงยาง โบราณวัตถุที่สำคัญก็คือ กลุ่มใบเสมา(ที่บ้านเสมา)ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี ลักษณะเป็นใบเสมาหินทราย มีบางหลักที่เป็นศิลาแลง ถากและแต่งให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มียอดสอบเข้าหากัน คล้ายกลีบบัว สลักเป็นเรื่องราวพุทธประวัติและชาดก ภาพสลักสะท้อนรูปแบบสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม ตลอดจนถึงวัฒนธรรมในสมัยทวารวดี ทั้งลักษณะพระพุทธรูป ปราสาทราชวัง อาคารบ้านเรือน หรือการแต่งกายของบุคคลหญิงชาย
ความสำคัญของกลุ่มใบเสมาที่บ้านเสมาเป็นหลักฐานแห่งความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาและเป็นที่สุดของความงดงามในงานศิลปกรรมสมัยทวารวดีดินแดนแห่งภาคอีสาน เมื่อครั้งพุทธศตวรรษที่ 12-16
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนกลุ่มใบเสมา(ที่บ้านเสมา)ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2479
ตอนที่ทีมงานมาถึงวัดโพธิ์ชัยเสมาราม ต้องร้อง“โอ้โห...”ก่อนเลย เพราะไม่เคยเห็นวัดไหนมีใบเสมามากมายขนาดนี้จนนึกว่า คงมีทั้งของเก่าและของใหม่รวมกัน แต่เปล่าเลย ใบเสมาที่เห็นตั้งแต่หน้าวัดเข้ามา สร้างในสมัยทวารวดีล้วนๆ บรรยากาศทรงคุณค่ามาก
- ใบเสมาที่วัดโพธิ์ชัยเสมารามมีอยู่สองแบบคือ แบบที่มีการแกะสลักลวดลายเป็นเรื่องราวชาดกและพุทธประวัติ ใบเสมาชุดนี้เก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์ด้านหลังวัด ส่วนใบเสมาที่ไม่แกะสลักภาพจะปักเรียงรายอยู่บนสนามใกล้แนวกำแพงหน้าวัดทางทิศเหนือ
บน – จากหน้าวัด เราเดินมาหลังวัดก่อนเพื่อชมใบเสมาที่แกะสลักเรื่องราวชาดกและพุทธประวัติ (จากภาพ บริเวณนี้คือพิพิธภัณฑ์เมืองฟ้าแดด ซึ่งสร้างเป็นเพิงไม้หลังคากระเบื้องและทำฐานสำหรับตั้งใบเสมาแต่ละใบไว้)
ตัวอย่างรายละเอียดใบเสมาในสมัยทวารวดีมีอะไรน่าสนใจบ้าง
ซ้ายบน – ใบเสมาสลักภาพเล่าเรื่องสรภังคชาดก อายุราวพุทธศตวรรษที่ 14-16 เนื้อหาของภาพที่สลักบนใบเสมา เล่าถึงตอนที่โชติปาละ บุตรปุโรหิตของพระเจ้าพรหมทัตต์แห่งกรุงพาราณสีแสดงวิชาธนูประลองกับนายขมังธนูหน้าพระที่นั่งจนโปรดเกล้าฯให้เป็นเสนาบดี ต่อมาโชติปาละมาพิจารณาถึงโทษในการรับตำแหน่งใหญ่ว่า จะต้องฆ่าสัตว์ตัดชีวิตและหมกมุ่นอยู่ในกามคุณ จึงหนีออกบวชเป็นฤาษีและบรรลุอภิญญา 5 สมาบัติ 8 วันหนึ่งได้แสดงธรรมถวายแด่พระเจ้าพรหมทัตต์ บิดามารดา และประชาชนทั้งปวง จนผู้คนทั้งหมดได้ขอออกบวชเป็นฤาษีอยู่ในสำนักของโชติปาลดาบสหรือ“สรภังค”ดาบส ซึ่งแปลว่า ผู้หักลูกธนู (จากภาพ ใบเสมาใบนี้มีลวดลายคมชัดที่สุด พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระเนตรโปนเหลือบต่ำ มีพระประภามณฑลเป็นวงกลม พระกรรณยาว ทรงครองจีวรแบบห่มดองบางแนบเนื้อ เห็นขอบสบงเป็นเส้นนูน ทรงประทับนั่งขัดสมาธิแบบหลวมๆบนขนดนาค เบื้องหลังเป็นเศียรพญานาค ยกพระหัตถ์ขวาแสดงปางวิตรรกะมุทรา พระหัตถ์ซ้ายวางหงายอยู่บนพระเพลา)
ขวาบน – ใบเสมาใบนี้สลักภาพเล่าเรื่องมโหสถชาดก มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 14-16 เล่าถึงตอนมโหสถไขปัญหาสุนัขกับแพะที่เป็นมิตรกันดังนี้ ในราชสำนักของพระเจ้าวิเทหราชแห่งมิถิลานครมีบัณฑิตในราชสำนัก 5 คน ได้แก่ เสนกะ ปุตกุสะ กามินท์ เทวินทะ และมโหสถ วันหนึ่ง พระเจ้าเทหราชทอดพระเนตรเห็นแพะและสุนัขสนิทสนมกลมเกียวกันยิ่งนัก โดยแพะไปคาบเนื้อจากห้องครัวให้สุนัข ส่วนสุนัขก็คาบหญ้าจากโรงช้างมาให้แพะ พระองค์จึงตรัสถามปริศนาให้บัณฑิตในราชสำนักทั้งหลายอธิบาย บัณฑิตผู้ใหญ่ทั้ง 4 คนตอบปัญหานี้ไม่ได้ จึงพากันไปถามมโหสถ แล้วนำเนื้อความที่มโหสถสอนมาตอบพระเจ้าวิเทหราชจนเป็นที่พอพระทัย
ซ้ายล่าง – ใบเสมานี้สลักภาพเล่าเรื่องเนมิราชชาดก มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 14-16 ใจความว่า ตอนที่ท้าวสักกะทูลอัญเชิญพระเจ้าเนมิราชมาแสดงธรรมแก่เทวดาทั้งหลาย ณ สุธรรมาเทวสภาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระเนมิราชได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระราชบิดา ทรงบำเพ็ญคุณงามความดีเป็นที่รักของมหาชน เมื่อทรงพระชรา ได้มอบราชสมบัติแก่พระราชโอรส แล้วเสด็จออกผนวชตามโบราณราชประเพณี พระองค์เจริญพรหมวิหาร 4 สำเร็จฌานสมาบัติ เมื่อสิ้นอายุขัย ได้ไปเกิดในพรหมโลก ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญอธิษฐานบารมี
- จากนั้นทีมงานขอพาทุกคนกลับมาหน้าวัดอีกครั้ง
ขวากลาง – ส่วนของใบเสมาในยุคทวารวดีที่ไม่ได้แกะสลักภาพเล่าเรื่องราวอีกมากมายจะปักอยู่บนสนามเลียบกำแพงหน้าวัดอย่างที่เห็น
ขวาล่าง – โบสถ์ของวัดโพธิ์ชัยเสมาราม (จากภาพ รอบโบสถ์จะมีใบเสมาที่สร้างขึ้นใหม่ปักรวมอยู่ อนึ่ง โบสถ์นี้เป็นทรงสูงเนื่องจากฐานของโบสถ์เดิมเป็นโบสถ์ดิน จึงสร้างโบสถ์ใหม่ครอบทับ)
TODAY | THIS MONTH | TOTAL | |||
159 | 811 | 293203 |