คำชะโนด

คำอธิบาย


เมืองคำชะโนดหรือวังนาคินทร์คำชะโนดมีเรื่องเล่ากันว่า เจ้าพ่อพญาศรีสุทโธและสุวรรณนาคเป็นพญานาคครองเมืองหนองกระแสฝ่ายละครึ่งและมีบริวารฝ่ายละ 5,000 ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันด้วยความรัก ความสามัคคี และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อยู่มาวันหนึ่ง พญานาคทั้งสองเกิดความเข้าใจผิด นึกว่าโดนเอาเปรียบเรื่องส่วนแบ่งอาหาร จึงสั่งให้บริวารไพร่พลทหารรุกรบทันที ทั้งสองรบอยู่นาน 7 ปี ทุกสิ่งทุกอย่างโดยรอบเกิดความเสียหายเดือดร้อนไปตามกันจนทำให้พื้นโลกสะเทือน เกิดแผ่นดินไหว เทวดาน้อยใหญ่เกิดความเดือดร้อนไปทั้งสามภพ ทั้งหมดเลยไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เพื่อร้องทุกข์

เมื่อพระอินทร์ทราบเรื่อง จึงเสด็จจากชั้นดาวดึงส์ลงมายังเมืองมนุษย์โลกที่เมืองหนองกระแส แล้วตรัสเป็นเทวราชโองการว่า ให้ทั้งสองหยุดรบและให้พญานาคทั้งสองสร้างแม่น้ำคนละสายแยกออกจากหนองกระแส ใครสร้างเสร็จก่อน จะให้ปลาบึก โดยให้เอาภูเขาพญาไฟเป็นเขตกั้นคนละฝ่าย ใครข้ามไปรุกราน ขอให้ไฟจากภูเขาดงพญาไฟไหม้ฝ่ายนั้นเป็นจุลมหาจุล จากนั้นสุทโธนาคได้พาบริวารไพร่พลมาสร้างแม่น้ำมุ่งหน้าไปทิศตะวันออก ซึ่งแม่น้ำนี้เรียกชื่อว่า“แม่น้ำโขง” ด้านสุวรรณนาคพาบริวารไพร่พลสร้างแม่น้ำมุ่งไปทิศใต้ แม่น้ำนี้เรียกชื่อว่า“แม่น้ำน่าน” ปรากฏว่า สุทโธนาคสร้างแม่น้ำโขงเสร็จก่อน เลยเป็นผู้ชนะ ดังนั้นปลาบึกจึงต้องอยู่ในแม่น้ำโขงแห่งเดียวในโลก

เมื่อสุทโธนาคสร้างแม่น้ำโขงเสร็จแล้ว ก็ได้แผลงอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์เหาะไปเฝ้าพระอินทร์ ณ ดาวดึงส์ และทูลถามพระอินทร์ว่า ตัวข้าเป็นชาติเชื้อพญานาค ถ้าจะอยู่บนโลกมนุษย์นานเกินไปก็ไม่ได้ จึงขอทางขึ้นลงระหว่างเมืองบาดาลและโลกมนุษย์เอาไว้ 3 แห่ง พระอินทร์ผู้เป็นใหญ่จึงอนุญาตให้มีรูพญานาค 3 แห่ง คือ ที่ธาตุหลวงนครเวียงจันทน์ ที่หนองคันแท และที่พรหมประกายโลก(หรือที่คำชะโนด)

สำหรับพรหมประกายโลกคือ สถานที่ที่พรหมได้กลิ่นไอดิน พรหมเทวดาจึงลงมากินดินจนหมดฤทธิ์ แล้วกลายเป็นมนุษย์ สุทโธนาคเลยไปตั้งบ้านเมืองครอบครองเฝ้าอยู่ที่นั่น โดยมีต้นชะโนดขึ้นเป็นสัญลักษณ์ ลักษณะต้นชะโนดให้เอาต้นมะพร้าว ต้นหมาก และต้นตาลมาผสมอย่างละเท่าๆกัน และให้ถือเป็นต้นไม้บรรพกาล โดยให้สุทโธนาคมีลักษณะวัน 31 วัน คือในช่วงข้างขึ้น 15 วัน ให้สุทโธนาคและบริวารกลายร่างเป็นมนุษย์ เรียกชื่อว่า“เจ้าพ่อพญาศรีสุทโธ” มีวังนาคินทร์คำชะโนดเป็นถิ่น ส่วนอีก 15 วันในข้างแรมให้สุทโธนาคและบริวารกลายร่างเป็นนาค เรียกชื่อว่า“พญานาคราชศรีสุทโธ” โดยให้อาศัยอยู่เมืองบาดาล

นับจากปี พ.ศ.2500 ถอยหลังลงไป ผู้คนที่บ้านม่วง บ้านเมืองไพร และบ้านวังทองในอำเภอบ้านดุงจะพบเห็นชาวเมืองชะโนด ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไปเที่ยวงานบุญประจำปีบุญพระเวทอยู่บ่อยครั้ง บางครั้งก็มีผู้หญิงมาขอยืมเครื่องมือทอหูก(ฟืม)เอาไปทอผ้าอยู่เป็นประจำ


บริษัทหนังเร่ได้รับการว่าจ้างให้ไปฉายหนังกลางแปลงที่หมู่บ้านวังทอง แต่มีข้อแม้ว่า หนังต้องฉายจบตอนตีสี่ พอตกดึก ผู้หญิงที่มาดูหนังล้วนห่มชุดขาว ส่วนผู้ชายใส่แต่ชุดดำ ทุกคนนั่งดูอย่างสงบไม่ไหวติง ครั้นถึงตีสี่ต่างก็หายไป รุ่งเช้ามาจึงพบว่า พื้นที่นั้นไม่มีหมู่บ้าน แต่เป็นป่า และนี่ก็คือเรื่องเล่าของผีจ้างหนังหรือป่าคำชะโนด
- พลังความเชื่อและความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อวังนาคินทร์หรือเกาะคำชะโนดอยู่ในระดับแรงกล้า ซึ่งวัดได้จากจำนวนคนที่มากันมืดฟ้ามัวดิน ยิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาล หางแถวของรถยนต์จะยาวนับหลายกิโลเมตร แต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ถ้าอย่างนั้น ขอให้ทุกคนตามมาพิสูจน์ที่วัดป่าศิริสุทโธหรือวัดป่าคำชะโนดดีกว่า
บน – ตอนนี้ทีมงานอยู่ที่คำชะโนดแล้ว เบื้องหน้าเราก็คือ เกาะคำชะโนดหรือวังนาคินทร์ ซึ่งเป็นเกาะกลางหนองน้ำ บนเกาะมีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่และเป็นป่ารกทึบ อีกทั้งเกาะนี้เป็นเกาะลอยน้ำ ดังนั้นไม่ว่าน้ำจะท่วมแค่ไหน เกาะนี้ก็ไม่เคยท่วม เนื่องจากเกาะจะลอยขึ้นลงตามระดับน้ำตลอดเวลา สำหรับมวลน้ำทั้งหมดเชื่อมมาจากแม่น้ำสงคราม และเกาะนี้เองที่มีความเชื่อว่า เป็นดินแดนแห่งพญานาค(ที่คอยปกปักรักษาอยู่) อนึ่ง ในช่วงหลังมา เริ่มมีเหตุการณ์น้ำท่วมขึ้นมาบนเกาะบ้างแล้ว จึงสันนิษฐานว่า น่าจะมาจากสิ่งก่อสร้างบนเกาะที่ทำให้น้ำหนักของเกาะเพิ่มมากขึ้น (จากภาพ ถ้ามองจากฝั่งตรงข้ามของเขตวัดไปบนเกาะ เราจะเห็นต้นที่คล้ายต้นตาลหรือต้นหมากขึ้นสูงชะลูดอยู่ ต้นเหล่านี้ก็คือ ต้นชะโนดแห่งเกาะคำชะโนดนั่นเอง)
- รีบเดินตามฝูงชนข้าม
สะพานรูปปั้นพญานาค 2 ตัว 7 เศียรที่เชื่อมระหว่างฝั่งวัดกับเกาะลี้ลับและมีมนต์ขลังแห่งนี้เลย ทีมงานขอเริ่มต้นด้วยศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธและเจ้าย่าศรีปทุมมาก่อน
กลาง – บริเวณนี้คือ ศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธและเจ้าย่าศรีปทุมมา (พ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมา) องค์พญานาคราชและนาคราชเทวี ผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดบนเกาะคำชะโนดหรือวังนาคินทร์ (จากภาพ มหาชนจากทั่วประเทศ(โดยเฉพาะชาวอีสาน)มาสักการะและบนบานศาลกล่าวอย่างล้นหลาม)
ซ้ายบน – เมื่อสวดมนต์ ขอพร และสักการะเรียบร้อย ทุกคนก็นำเครื่องบูชา เช่น
ดอกไม้ธูปเทียน บายศรีลวดลายสวยงามขนาดต่างๆ ฯลฯ มาถวายองค์นาคาธิบดีศรีสุทโธและองค์นางพญาศรีปทุมมานาคิณี จากนั้นกลุ่มถัดไปก็เตรียมตัวเข้ามาสักการะต่อ
ซ้ายล่าง – ถ้ามองไปที่ภาพ“กลาง”อีกครั้ง นอกจากประชาชนที่กำลังนั่งสวดอยู่ เรายังเห็นผู้คนยืนต่อแถวขึ้นศาลอีกหลังด้วย ซึ่งเมื่อขึ้นมาแล้ว บรรยากาศเบียดเสียดมาก ประชาชนต่างมากราบไหว้และถวายเครื่องบูชาแด่เจ้าปู่ศรีสุทโธและเจ้าย่าศรีปทุมมาด้วยพลังแห่งความศรัทธาบนศาลนี้
- จากศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธและเจ้าย่าศรีปทุมมา ให้เดินไปทางขวาต่อ ใครต้องการลุ้นตัวเลข ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
ขวา - ต้นมะเดื่อยักษ์อายุนับ 100 ปีและรากต้นไทรขนาดใหญ่ที่ล้มเป็นแนวนอน หลายคนเชื่อว่าเป็นขุมทรัพย์ของพ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมา (จากภาพ รากต้นไทรที่ล้มไปอีกฝั่งจะเห็นได้บริเวณเหนืออักษร w ตัวแรก)

 


บริเวณต้นมะเดื่อยักษ์อายุนับร้อยปีและต้นไทรเป็นแหล่งหาหวยขั้นเทพของเมืองไทย ตอนนี้ได้เวลาไปโอมเพี้ยง "ขอให้ลูกช้างถูกรางวัลใหญ่ๆด้วยเถอะ"
ซ้ายบน – ที่หน้าต้นมะเดื่อมีจุดกราบไหว้ขอโชคลาภอยู่ โซนนี้มีผู้คนเนืองแน่นจริงๆ
ขวาบน – ตอนนี้รากต้นมะเดื่อยักษ์กำลังมีประชาชานั่งห้อมล้อม ต่างคนต่างก็เอามือถูไถผิวของรากไม้เพื่อสังเกตตัวเลขจากรอยที่ได้ เด็กๆที่ตามผู้ใหญ่มา ก็ขันอาสาเป็นหูเป็นตาด้วยคน ผู้ใหญ่บางคนถูรากไม้เสร็จ ก็ถ่ายรูปส่งไลน์ให้เพื่อนหรือญาติช่วยตีเป็นตัวเลขแบบทันท่วงที
ซ้ายกลางบน – จากที่บอกไปว่ายังมีต้นไทรที่ล้มลงอยู่ข้างต้นมะเดื่อยักษ์ ขณะนี้ลำต้นแนวนอนของต้นไทรกลายเป็นแหล่งเก็งตัวเลขอีกจุด คอหวยคนไหนตาดีบวกเฮง ก็ตีเลขเข้าเป้างวดนั้นไป
- บนเกาะคำชะโนดยังมีอีกหนึ่งความน่าอัศจรรย์ที่หลายคนแวะเวียนมา
ขวากลาง – น้ำศักดิ์สิทธิ์ (จากภาพ น้ำทั้งหมดมาจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือบ่อคำชะโนด หลายคนเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำ บางคนก็ล้างหน้าหรือลูบศีรษะเพื่อความเป็นสิริมงคล บางคนก็เชื่อว่าเป็นยารักษาโรคได้)
ซ้ายกลางล่าง – บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (จากภาพ น้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อนี้จะสูบลงสระสีฟ้าเมื่อสักครู่ ทั้งหมดเป็นน้ำใต้ดิน ส่วนเหตุผลที่หลายคนเชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก็เนื่องจากน้ำในบ่อไม่เคยเหือดแห้ง มีระดับเท่าเดิมตลอด เคยมีคนเอาไม้ไผ่ 2 ลำมาต่อกัน แล้วหยั่งดูความลึกของบ่อน้ำ แต่ก็หยั่งไม่ถึง เลยเชื่อว่า น้ำในบ่อนี้ทะลุไปถึงสะดือของแม่น้ำโขงได้ จึงมีความเชื่อกันว่า เป็นทางเข้าออกระหว่างเมืองบาดาลและโลกมนุษย์ของเหล่าพญานาคที่พระอินทร์ประทานไว้)
ขวาล่าง – บนเกาะคำชะโนดเป็นป่าที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น มีลักษณะเป็นป่าชุ่มน้ำดึกดำบรรพ์ พันธุ์ไม้ที่มีจำนวนมากที่สุดคือ ต้นชะโนด ซึ่งมีถึง 1,865 ต้น รองลงมาเป็นต้นปอแดง มีจำนวน 502 ต้น ต้นประดงแดง มีจำนวน 434 ต้น ต้นตาว มีจำนวน 302 ต้น และต้นมะเดื่อใหญ่ มีจำนวน 301 ต้น ที่เหลือก็เช่น ต้นหว้า ต้นแสมแดง ต้นพญาสัตยบรรณ ต้นมะเดื่อขน ต้นสมุนแว้ง ต้นงิ้วผา ต้นก้านเหลือง ต้นยางใหญ่ ต้นเหมียดแดง ต้นสมอภิเพก ต้นไทรหิน ต้นตับเต่า ฯลฯ รวมทั้งพืชล้มลุกและเถาวัลย์อีกมากมายกว่า 100 ชนิด (จากภาพ ต้นที่เห็นสูงๆคือ ต้นชะโนด(หรือต้นค้อสร้อย) ซึ่งเป็นพืชตระกูลปาล์ม มีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และปลายแหลมของทวีปแอฟริกา ลักษณะเป็นปาล์มที่ไม่มีหนาม ใบเหมือนใบตาล ลำต้นเหมือนต้นมะพร้าว ลูกเป็นเม็ดเล็กคล้ายหมาก สูงเต็มที่ประมาณ 30 เมตร ในประเทศไทยพบได้ที่ป่าคำชะโนด)
- และเนื่องจากคำชะโนดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆของเมืองไทย ร้านรวงจึงเดินทัพมาจำหน่ายข้าวของกันมากมาย
ซ้ายล่าง - ลักษณะแผงเป็นเพิงโครงเหล็กแถวยาวหนึ่งชั้น ในเพิงแถวยาวหนึ่งชั้นจะกั้นเป็นห้องๆขึ้นมา แต่ละห้องจะขายสินค้าแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภค แต่สินค้าที่กลมกลืนกับบรรยากาศมากที่สุดหนีไม่พ้นแผงสลากกินแบ่ง ซึ่งมีพ่อค้าแม่ค้านั่งขายอย่างอุ่นหนาฝาคั่งตามริมทาง
รายการสินค้า - สินค้าอุปโภคก็มีเสื้อที่ระลึกคำชะโนด เสื้อผ้ากะเหรี่ยง เสื้อผ้าชายหญิง ผ้าถุง ผ้าถุงสำเร็จรูป ผ้าพันคอ พัดสาน ย่าม กระเป๋าผ้า วัตถุมงคล(เช่น แมวเรียกโชคลาภ กระจกแปดเหลี่ยม น้ำเต้าดูดทรัพย์ พญานาคจำลอง นางกวัก ฯลฯ) พระเครื่อง ตัวห้อยกระเป๋า ลูกประคำ พิณ เข็มขัดเงิน เสื้อผ้าคนแก่ สร้อย แหวน กำไล ไม้เกาหลัง ตะกร้าสาน กระติบข้าว หมวก รองเท้า พาน ถุงเท้า กระบวย ครกกับสาก และแคน ของเล่นเด็กก็เช่น กล้องส่องทางไกล ไก่โอ๊ก ไดโนเสาร์ เครื่องครัว แต่งตัวตุ๊กตา รถไฟ ทรัมเป็ด รถแข่ง กีตาร์ อุลตราแมน รถขุดดิน และชุดโต๊ะกินข้าว ส่วนของบริโภคมีดังนี้
อาหารตามสั่งมีคะน้าหมูกรอบ ไข่เจียวหมูสับ ไข่ดาว กะเพราไก่ ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว ผัดผัก และก๋วยเตี๋ยว เครื่องดื่มปรุงที่ร้านมีชาเขียว คาปูชิโน ชาเย็น กาแฟโบราณ โกโก้ เผือกหอม สตรอว์เบอร์รี น้ำบ๊วย แดงโซดา เขียวโซดา และโอเลี้ยง น้ำผลไม้และปั่นมีแอปเปิลแดง ละมุด ส้ม มะนาว และมะพร้าว นอกจากนี้ยังมีน้ำเฉาก๊วย ของกินอื่นๆมีข้าวเหนียวปิ้ง ไข่ทรงเครื่อง เกี๊ยวห่อไข่นกกระทาทอด ไส้กรอกทอด ผลไม้หั่นชิ้น ลูกชิ้นทอด ต้มแซ่บ ตำไทย ตำปูปลาร้า ตำซั่ว แกงหน่อไม้ น้ำตก และลาบ เครื่องดื่มแช่เย็นและใส่แก้วน้ำแข็งมีแฟนต้า(น้ำแดง น้ำเขียว น้ำส้ม) เอส โค้ก เป๊ปซี่ สปอนเซอร์ อิชิตันรสจมูกข้าวญี่ปุ่น โออิชิรสน้ำผึ้งมะนาว น้ำดื่มสิงห์ และน้ำดื่มยี่ห้อท้องถิ่น รวมทั้งไอศกรีมวอลล์และไอศกรีมกะทิ ผักสดพืชไร่และผักพื้นบ้านก็มีเช่นกัน เช่น ผักติ้ว ผักขะแยง มันแกว ใบอีตู่ ฯลฯ ผลไม้ เช่น ส้ม แตงโม ฯลฯ และที่สำคัญคือ สลากกินแบ่ง


TODAY THIS MONTH TOTAL
126 3575 252793
Copyright : 2018 KarnDernTang.com ขอสงวนลิขสิทธิ์เนื้อหาในเว็บไซต์ตามกฎหมาย ห้ามทำซ้ำหรือคัดลอกโดยไม่ได้รับอนุญาต

บริษัทรับทำเว็บไซต์ Design By cw.in.th

Scroll To Top